รุ่นรถและราคาจำหน่าย

ราคาจำหน่ายสุทธิ ดับเบิ้ล แค็บ พลัส ATHLETE AT 1,035,000 บาท
ราคารถมาตรฐาน 1,003,000 บาท
ราคาชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษพร้อมติดตั้ง* 32,000 บาท
ราคาจำหน่ายสุทธิ ดับเบิ้ล แค็บ 4WD ATHLETE AT 1,146,000 บาท
ราคารถมาตรฐาน 1,114,000 บาท
ราคาชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษพร้อมติดตั้ง* 32,000 บาท

(เฉพาะสีขาว WHITE DIAMOND / BLACK ROOF เพิ่ม 10,000 บาท)
*ชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษดังกล่าวมิใช่อุปกรณ์พื้นฐานที่ติดตั้งจากโรงงาน แต่เป็นอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ ซึ่งจำหน่ายและติดตั้งโดยผู้จำหน่าย (รับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 60,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)

ดีไซน์ภายนอก

ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ Bi-LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED

หลังคาสีดำ

บันไดข้างสีดำ

ชุดตกแต่งกันชนหน้าสีดำแบบสปอร์ต

สไตล์ลิ่งบาร์ และชุดพื้นปูกระบะ

เบาะนั่งสไตล์สปอร์ตทูโทน พร้อมสัญลักษณ์ ATHLETE

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมตกแต่งด้วยตะเข็บสีส้ม

หัวเกียร์หุ้มหนัง พร้อมตกแต่งด้วยตะเข็บสีส้ม

ดีไซน์ภายใน

ปลุกเร้าจิตวิญญาณสปอร์ตจากภายใน

ให้ทุกโสตประสาทของคุณ ตื่นเต้น เร้าใจทุกเส้นทาง กับการออกแบบค็อกพิท และห้องโดยสาร ที่ถูกดีไซน์อย่างพิถีพิถันทุกรายละเอียดในแบบสีทูโทน ให้อารมณ์เฉกเช่นรถสปอร์ตหรู ที่พร้อมทะยานออกจากโรงรถของคุณทุกเมื่อ

เครื่องยนต์ไมเวค คลีน ดีเซล 2.4 ลิตร 181 แรงม้า

MIVEC (Mitsubishi Innovative Valve Timing Electronic Control) อัจฉริยภาพแห่งเครื่องยนต์ลิขสิทธิ์เฉพาะจากมิตซูบิชิ กับระบบควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วไอดีแปรผัน ทำงานสอดคล้องกับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ควบคุมการทำงานด้วยสมองกลอัจฉริยะ ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำและได้แรงม้ามากขึ้นในรอบสูงอัตราเร่งดี ช่วยให้การเผาไหม้หมดจด ลดมลพิษในอากาศ

SUPER SELECT 4WD II ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

เทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ ให้ความมั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน โดยคุณสามารถเลือกเปลี่ยนโหมดที่เหมาะสมกับสภาพถนนได้อย่างง่ายดาย

คุณสมบัติ

สมรรถนะ

สภาพถนนปกติ

ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เหมาะสำหรับการขับขี่บนสภาพถนนปกติ ให้อัตราเร่งที่ดี และประหยัดน้ำมัน เพราะกำลังของเครื่องยนต์ทั้งหมด 100% จะถูกส่งไปยังล้อคู่หลังเท่านั้น

สภาพถนนเปียกลื่น

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำงานแบบ Full-Time All Wheel Control เหมาะกับสภาพถนนเปียกลื่นที่ใช้ความเร็ว ระบบส่งกำลัง Torsen (Torque Sensitive Type) จะถ่ายทอดกำลังเครื่องยนต์ไปยังล้อหน้า 40% และล้อหลัง 60% บนถนนแห้ง และล้อหน้า 50% และล้อหลัง 50% เมื่อถนนเปียกลื่น เพื่อประสิทธิภาพในการเกาะถนนและความปลอดภัย

สภาพเส้นทางขรุขระ

ระบบส่งกำลังจะถ่ายทอดกำลังเครื่องยนต์ไปยังล้อทั้ง 4 โดยมีระบบ Center Differential Lock ทำหน้าที่ส่งกำลังในอัตราส่วนล้อหน้า 50% และล้อหลัง 50% เท่ากันตลอดเวลา เหมาะสำหรับสภาพเส้นทางขรุขระ แต่ยังสามารถใช้ความเร็วได้ หรือเส้นทางที่มีพื้นผิวแบบลื่นไถล

(ในตำแหน่งนี้ไม่ควรใช้บนถนนแห้ง)

สภาพเส้นทางที่วิบาก

ระบบส่งกำลังจะถ่ายทอดกำลังเครื่องยนต์ไปยังล้อทั้ง 4 โดยมีระบบ Center Differential Lock ทำงานร่วมกับระบบล็อกเฟืองท้ายหลัง (Rear Differential Lock) ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ในการส่งกำลังในอัตราส่วนล้อหน้า 50% และล้อหลัง 50% เท่ากันตลอดเวลา และเกียร์ส่งกำลัง (Transfer Gear Ratio) จะเพิ่มอัตราทดให้สูงขึ้น ช่วยทำให้กำลังการขับเคลื่อนมีมากขึ้น เหมาะสำหรับสภาพเส้นทางที่วิบาก ลุยโคลน เส้นทางแบบมีเนินหินสลับ หรือมีความลาดชันมากๆ

(ในตำแหน่งนี้ไม่ควรใช้ความเร็วเกิน 70 กม./ชม.)

ระบบความปลอดภัย

ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน

ระบบจะตรวจจับรถคันอื่นที่วิ่งอยู่ในเลนถัดไปทางด้านหลัง ในระยะประมาณ 70 ม. และส่งสัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้างให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีรถอยู่ในจุดอับสายตา ซึ่งอาจไม่สามารถมองเห็นจากกระจกมองข้าง และในขณะเดียวกัน หากเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ระบบจะส่งเสียงเตือน พร้อมสัญญาณไฟกะพริบบนกระจกมองข้าง เพื่อความปลอดภัยในการเปลี่ยนช่องจราจร ทั้งนี้ การทำงานของระบบขึ้นอยู่กับความเร็วสัมพัทธ์ระหว่างรถกับรถในเลนถัดไป

ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว

ระบบจะทำงานโดยใช้เรดาร์ประเมินระยะห่างจากรถหรือคนเดินถนนข้างหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้า หรือคนเดินถนนในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนและช่วยชะลอความเร็ว พร้อมเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก เพื่อให้ประสิทธิภาพในการเบรกที่ดียิ่งขึ้น และบรรเทาความเสียหายจากการชน

ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง และรวดเร็ว

ระบบทำงานโดยใช้คลื่น Ultrasonic ตรวจจับวัตถุด้านหน้า หรือด้านหลังในระยะไม่เกิน 4 เมตร ในขณะที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง “D” หรือ “R” หากมีการเหยียบคันเร่งผิดพลาดอย่างรุนแรง และรวดเร็ว ระบบจะทำการตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะอัตโนมัติ และทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. เพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชน

ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด

ในขณะที่รถกำลังถอยหลัง หากเซนเซอร์ด้านหลังตรวจพบรถคันอื่นเข้ามาภายในรัศมีการตรวจจับ ระบบจะส่งเสียงเตือนและสัญญาณไฟกะพริบบนกระจกมองข้างทั้ง 2 ด้าน พร้อมแสดงข้อความเตือนบนหน้าจอแสดงผล

กล้องมองภาพรอบคัน

ระบบทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งรอบตัวรถ เพื่อประมวลผลและแสดงภาพแบบ Bird’s Eye View ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพได้รอบตัวรถ เพิ่มความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการจอดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น